จับตาเทรนด์ Social และความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของสังคม นำทิศทางธุรกิจปี 2564
แพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2563 ที่ผ่านมาสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติของสังคม ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของผู้คน รูปแบบการทำงาน และการใช้เวลาว่างของเรา ขณะที่เราพิจารณาถึงผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อผู้คน และเศรษฐกิจอยู่นั้น
ช่วงเวลานี้ยังถือเป็นโอกาสให้เราได้ทบทวน และวางแผนงานในอนาคตสำหรับประเทศไทยในวันข้างหน้า ขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจ และสังคมซึ่งก่อตัวจากการกลับมาอีกครั้งของโรระบาด บทบาทของการสื่อสารเพื่อการเชื่อมต่อกัน และทำธุรกรรมทางช่องทางออนไลน์จึงยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น
นี่คือโรคระบาดระดับโลกครั้งแรกในยุคดิจิทัล ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกหลายพันล้านคนเข้าด้วยกัน Facebook ได้เห็นปรากฏการณ์ Digital Transformation ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และย่นระยะเวลาในการปรับตัวด้านดิจิทัลจากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาในการเติบโตถึง 5 ปี ให้สามารถเกิดขึ้นได้เพียงเวลาไม่กี่เดือน
ผู้คนใช้เวลาบนโลกออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น โดยใช้สำหรับเชื่อมต่อกับผู้อื่น ทำงาน จับจ่ายใช้สอย เล่นเกม และอื่น ๆ และเนื่องจากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ ความคาดหวังของผู้คนที่มีต่อธุรกิจต่าง ๆ ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา
ด้วยเหตุนี้เอง ภาคธุรกิจต่าง ๆ จึงมีโอกาสที่จะเป็นเป็นแรงผลักดันเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจสำหรับอนาคตที่จะมาถึง สำหรับภูมิภาคเอเชียแล้ว ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ประเทศคิดเป็น 40–60% ภาคส่วนต่าง ๆ
จึงต้องพึ่งพาการอยู่รอด และการฟื้นตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีเหล่านี้ และเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ แบรนด์ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคทั้ง ออนไลน์ และออฟไลน์ พร้อมทั้งหาแนวทางใหม่ ๆ ในการส่งมอบสินค้า และการบริการ
มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านชาบูที่หันมาจำหน่ายชุดหม้อชาบูสำหรับรับประทานที่บ้านผ่านบริการการส่งข้อความ สถานที่ออกกำลังกายที่จัดกิจกรรมผ่านทางไลฟ์สตรีมมิ่ง รวมถึงการเรียนการสอนที่จัดขึ้นออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องจริงที่ธุรกิจต่าง ๆ ได้ช่วยสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาสำหรับ Facebook แล้ว เราอยู่ตรงกลางระหว่างชุมชน และการค้าขาย ซึ่งธุรกิจสามารถได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์มากมายที่เราสังเกตเห็น
ก่อนหน้านี้ เราได้แบ่งปันเนื้อหาเกี่ยวกับเทรนด์โซเชียลมีเดียที่น่าจับตามองบนแพลตฟอร์มของเราทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ เทรนด์การใช้โทรศัพท์มือถือ การรับชมเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอ การแชร์ประสบการณ์แบบชั่วคราว การส่งข้อความ และอีคอมเมิร์ซ ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปี 2564 เทรนด์ทั้งหมดนี้ยิ่งมีสำคัญมากยิ่งขึ้น
ซึ่งหมายความว่าธุรกิจทุก ๆ ขนาดต้องปรับตัวเข้าสู่การขายออนไลน์ แม้ว่าหน้าร้านจะยังคงมีบทบาทสำคัญในเชิงสังคมและความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจ อีคอมเมิร์ซจะยังคงอยู่ต่อไป อันที่จริง 45% ของผู้บริโภคชาวไทยหันมาซื้อของบนช่องทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมา
เรามาเจาะลึกกันว่าเทรนด์ต่าง ๆ เหล่านี้จะส่งผลต่อธุรกิจในประเทศไทยอย่างไร และธุรกิจต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับเทรนด์ใดบ้างในปี 2564
การใช้งานมือถือ และความนิยมของวิดีโอสั้น
เราเคยพูดถึงความนิยมของวิดีโอที่เติบโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ปี 2563 นับเป็นปีที่ได้ทำลายทุกสถิติจากการที่ผู้คนหันมาใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้นอันเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ และการรักษาระยะห่างทางสังคม ยกตัวอย่างปรากฏการณ์ไลฟ์สตรีมในช่วงล็อกดาวน์ซึ่งได้ผลักดันการเติบโตของการไลฟ์สตรีมทั่วโลกในช่วงเดือนมีนาคม
และเมษายน ถึง 45% ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีจำนวนผู้รับชมวิดีโอในรูปแบบดิจิทัล 77.5% ในขณะเดียวกัน วิดีโอสั้นยังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากผู้คนต่างมองหาพื้นที่สำหรับการแสดงออกถึงตัวตน และเพื่อเข้าถึงความบันเทิง
จากเทรนด์เหล่านี้ เราคาดการณ์ว่าจะได้เห็นการเติบโตของการชอปปิ้งออนไลน์รูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความบันเทิง และการขายสินค้าเข้าด้วยกัน ปลุกกระแสโดยผู้นำเทรนด์ และเหล่าครีเอเตอร์ และสำหรับธุรกิจที่ต้องการเป็นที่จับตามองนั้น สิ่งสำคัญคือการพิจาณาสร้างสรรค์เอกลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นบนโลกออนไลน์
การสร้างประสบการณ์การค้นพบแบรนด์ และธุรกิจต่าง ๆ
ธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าผู้คนในทุกช่วงอายุพร้อมเปิดรับช่องทางใหม่ๆ ในการค้นพบสินค้า รวมถึงวิถีการชอปปิ้งรูปแบบใหม่ อันที่จริง ในปี 2563 ที่ผ่านมา 78% ของผู้บริโภคในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค้นพบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ผ่านแรงบันดาลใจ และอิทธิพลจากช่องทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่
เทรนด์นี้ต้องอาศัยแนวคิดเชิงนวัตกรรม กล่าวได้ว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องกล้าทดลองบริการใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การซื้อของผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียโดยตรง การไลฟ์สดขายของ การซื้อของแบบ Click–And–Collect หรือบริการสมาชิกต่าง ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังหมายความว่าธุรกิจควรค้นหาแนวทางใหม่ๆ สำหรับแต่ละช่องทาง และแพลตฟอร์ม ทั้งนี้เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ และนำแบรนด์ออกสู่การค้นพบ ในปีนี้ เราได้เปิดตัว Instagram Shopping ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงลูกค้า และนำไปสู่การขายสินค้า
อีกทั้งยังได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูลสำหรับธุรกิจกลยุทธ์การขายอื่น ๆ อาจรวมถึงการนำเสนอประสบการณ์การซื้อขายเสมือนหน้าร้าน ผ่านวิดีโอแบบ 360 องศาที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ได้จากบ้านโดยใช้ฟิลเตอร์ AR หรือการใช้ Playable Ads
ซึ่งเป็นโฆษณาที่มีลักษณะคล้ายเกมเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การทดลองสินค้าที่สนุกสนานยิ่งขึ้น อีกแนวทางสำคัญคือการหาโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ท้องถิ่นที่สำคัญ เช่น มหกรรมชอป 9.9 และ 11.11 ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภค เช่น การซื้อของขวัญให้ตัวเอง
การซื้อขายผ่านการทักแชท และการค้าข้ามพรมแดน
เทรนด์สุดท้ายที่น่าจับตามองคือ การซื้อขายผ่านการทักแชท (Conversational Commerce) และการค้าข้ามพรมแดน การส่งข้อความเป็นหนึ่งในช่องทางที่ผู้คนใช้เพื่อพูดคุยกับธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด โดยในช่วงปีที่ผ่านมา
เราได้เห็นจำนวนบทสนทนาระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์ต่าง ๆ บน Messenger และ Instagram เพิ่มขึ้นกว่า 40% และสำหรับ WhatsApp เราพบว่ามีผู้คนกว่า 175 ล้านคนทั่วโลกที่ส่งข้อความไปยังบัญชีธุรกิจในแต่ละวันการโทรศัพท์หรืออีเมลถึงแบรนด์เป็นตัวเลือกไม่ค่อยตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมากนัก
ยิ่งกว่านั้น ผู้บริโภคชื่นชอบการโต้ตอบแบบทันที และทุกที่ทุกเวลา (always-on) ผ่านการส่งข้อความมากกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่าช่องทางการส่งข้อความ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ อัปเดตสถานะการจัดส่ง และตอบคำถามทั่วไป นับเป็นสิ่งสำคัญ
ขณะที่แวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เปิดรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ยังได้ช่วยสร้างโอกาสการค้าขายแบบข้ามพรมแดน ดังนั้น ธุรกิจต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องรู้จักสร้างเครือข่ายภายในภูมิภาคและพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เราทุกคนอยู่ในยุคการค้าขายรูปแบบใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปคือการที่ผู้คนมักชื่นชอบการโต้ตอบกับธุรกิจในรูปแบบที่มีความเป็นมนุษย์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน และมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ การค้นพบผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ ๆ ได้กลายเป็นเสมือนประสบการณ์ทางด้านสังคม
เราได้สังเกตเห็นถึงการแสดงออกอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่ตอบสนองต่อเทรนด์การค้าใหม่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อกับแบรนด์โปรดผ่านการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ และครีเอเตอร์ การร่วมสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กผ่านทาง Facebook Live เป็นต้น
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก สิ่งสำคัญคือต้องทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ค้นหาง่าย อีกทั้งยังสามารถมอบประสบการณ์ผ่านการสนทนา และมอบบริการแบบไร้พรมแดน ทั้งหมดนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยธุรกิจให้อยู่รอด แต่ยังคงเติบโตได้ต่อไป
ส่วนขยาย
* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.freepik.com
เข้าชม : 763
|