[x] ปิดหน้าต่างนี้
 
 
 


เนื้อหา : บทความสาระน่ารู้
หมวดหมู่ : บทความทั่วไป
หัวข้อเรื่อง : โรคที่ห้ามกินกระเทียมมีอะไรบ้าง เป็นความดันกินกระเทียมได้ไหม ป่วยแบบไหนควรระวัง

ศุกร์ ที่ 24 เดือน มีนาคม พ.ศ.2566

คะแนน vote : 39  

 สรรพคุณกระเทียมที่เป็นที่เลื่องลือนักหนา จริง ๆ แล้วประโยชน์ของกระเทียมมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
  • ขับลม
  • แก้จุกเสียด แก้ท้องอืด แก้อาหารไม่ย่อย
  • ขับเหงื่อ
  • ขับเสมหะ
  • แก้หวัด คัดจมูก
  • บำรุงธาตุ กระจายโลหิต
  • ขับระดู
  • ขับปัสสาวะ
  • แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด
  • รักษาโรคกลากเกลื้อน
  • รักษาแผลและปัญหาผิวหนังต่าง ๆ
  • แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย
  • ลดความดันโลหิต
  • ลดไขมันในเลือด
  • ต้านอนุมูลอิสระ
  • ต้านการอักเสบ
  • ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อจุลชีพ

          แม้สรรพคุณของกระเทียมจะมีอยู่ด้วยกันหลายด้าน ทว่าสำหรับบางคนก็ต้องเตือนไว้ก่อนว่าไม่ควรกินกระเทียมนะคะ หรือไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวบางโรค หรือมีอาการป่วยบางอย่างอยู่

คนกลุ่มนี้ควรระมัดระวังการกินกระเทียมในปริมาณที่มากเกินไป รวมทั้งสารสกัดกระเทียม เพราะอาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วยได้ ดังนี้

  • ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียม ทั้งคนที่แพ้กลิ่นและแพ้สารในกระเทียม 

  • ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ เพราะกระเทียมมีกรดแก๊สในตัวเอง กินมากไปอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือแสบท้องมากขึ้นได้

  • ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน เพราะกรดแก๊สในกระเทียมอาจทำให้อาการแสบร้อนกลางอกกำเริบขึ้นได้

  • คนที่มีอาการตาแดง เพราะกระเทียมมีฤทธิ์ร้อน รสฉุน ซึ่งอาจทำให้มีอาการมากขึ้น

  • ผู้ที่เป็นความดันโลหิตต่ำ หรือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่รับประทานยาลดความดันโลหิตอยู่ เนื่องจากกระเทียมมีสรรพคุณช่วยลดความดัน ดังนั้น หากกินกระเทียมมากเกินไปหรือกินร่วมกับยาลดความดัน อาจไปทำให้ความดันต่ำมากกว่าเดิม 

  • ผู้ที่เตรียมตัวจะผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด เพราะกระเทียมอาจทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า เสี่ยงต่อภาวะเลือดหยุดไหลยากหลังผ่าตัด อีกทั้งยังมีผลต่อระดับความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือด 

  • ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน เพราะกระเทียมมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดเช่นกัน จึงเสริมฤทธิ์กัน และอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น

  • ผู้ที่ใช้ยา NSAIDs บางชนิด เช่น แอสไพริน ซึ่งมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 

  • ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทานยาลดน้ำตาลในเลือด ไม่ควรกินยาร่วมกับสารสกัดจากกระเทียม เนื่องจากจะยิ่งไปลดระดับน้ำตาลให้ต่ำลง

  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ไม่ควรกินสารสกัดจากกระเทียมที่มีปริมาณสารสำคัญของกระเทียมสูง ๆ เพราะอาจส่งผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์กับเด็กได้ แต่สามารถกินกระเทียมในรูปแบบอาหารตามปกติได้นะคะ 

 

           แม้จะไม่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงสุขภาพใด ๆ ก็อยากแนะนำให้กินกระเทียมอย่างพอเหมาะ อย่างการกินกระเทียมที่อยู่ในเมนูอาหารประจำวัน เป็นต้น แต่ไม่ควรกินกระเทียมเพื่อหวังผลในการรักษาโรคนะคะ ส่วนใครที่อยากได้สารสกัดจากกระเทียมในโดสสูง ๆ เพื่อบำรุงสุขภาพ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรดูก่อนว่าสามารถรับประทานกระเทียมในรูปแบบสารสกัดได้ไหม และกินอย่างไรถึงจะเหมาะสม


เข้าชม : 2181


บทความทั่วไป 5 อันดับล่าสุด

      จอประสาทตาเสื่อม สูงวัยทำอย่างไร ? 23 / ก.พ. / 2567
      ทอนซิลอักเสบ อาการ เจ็บคอ ที่ต้องระวัง ! 23 / ก.พ. / 2567
      อาการเสี่ยง กรดไหลย้อน ! ที่ต้องรู้ 23 / ก.พ. / 2567
      อาหารเช้ามื้อสำคัญ ไม่ควรมองข้าม 27 / พ.ย. / 2566
      อาหารบำบัดโรคหัวใจ 27 / พ.ย. / 2566


 
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม 
เลขที่ 179 หมู่ 2 ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน  จังหวัดนครปฐม  73140
  
โทรสาร 034-352039 , 034-282364  
Powered by MAXSITE 1.10   Modify by   นิกร เกษโกมล   Version 2.05HD  Update by   นายบุญมา มาดี