ออกกำลังกาย ช่วยได้จริง

การออกกำลังกายแม้จะเป็นเรื่องของร่างกายภายนอกเป็นหลัก แต่คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นด้วยช่วงนี้ทางรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการบางอย่างเกี่ยวกับการออกกำลังกายแล้ว ทำให้เราสามารถไปออกกำลังกายได้ หากใครไม่รู้จะออกกำลังกายแบบไหนเราขอแนะนำ วิ่งเลย จะเดินหรือวิ่งก็ได้ ใส่รองเท้าแล้วออกไปเดินวิ่งสัก 30 นาทีรับรองว่าได้เหงื่อ ได้เหนื่อย ได้ฟินด้วย พอเราได้ออกกำลังกายมันเหมือนได้ใช้พลังงาน พักเรื่องเครียดทั้งหมดไปสักช่วงหนึ่ง ยังไม่นับการออกกำลังกายทำให้เราได้เจอเพื่อน ได้เจอสังคมใหม่ลดความเครียดได้อีก

กินอาหารที่มีประโยชน์

ช่วงนี้อยู่บ้าน หลายคนอาจจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการกินอาหารที่ไม่ค่อยได้กิน กินอาหารที่ทำเอง หรือสั่งจากร้านให้มาส่ง คำแนะนำของเราก็คือ การกินอาหารที่มีประโยชน์ และ กินอาหารครบ 5 หมู่ จะช่วยให้เราลดระดับความเครียดได้เช่นกัน ผัก ผลไม้ ควรหามากินด้วย อย่ากินแต่ของกินเล่นอย่าเดียว นอกจากมีปัญหาเรื่องโรคภัยจะมาเครียดเรื่องรูปร่างและเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้อีก ปวดหัวหนักกว่าเดิม

ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ

ความเครียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นในแต่ละวันแนะนำว่าควรหาเวลาอย่างน้อย 30 นาที เลือกทำกิจกรรมงานอดิเรกที่เราชื่นชอบและสนใจเป็นหลัก เพื่อเป็นการผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรีย์ ดู netfliex อะไรก็ว่ากันไป การได้ทำอะไรแบบนี้มันเหมือนปลดล็อคพื้นที่ส่วนตัวให้กับตัวเองได้ด้วย แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ เราแนะนำนั่งสมาธิสัก 5-10 นาที หรือสวดมนต์ฟังธรรมก็ได้ ผ่อนคลายและลดความเครียดได้ดี

นอนหลับให้เพียงพอ

พฤติกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตได้แบบไม่น่าเชื่อเลย นั่นก็คือ การนอน คนที่นอนไม่พอทั้งคุณภาพและปริมาณสิ่งที่ตามมาจะทำให้ร่างกายไม่สดชื่น ทำงานอะไรก็จะเหมือนคนง่วงนอน ยิ่งทำให้เครียดมากกว่าเดิม คำแนะนำก็ควรจัดสรรเวลาพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และไม่ควรเอาโทรศัพท์มาไว้ใกล้ที่นอน เพื่อให้เรานอนหลับสนิทแบบไม่ต้องมากังวลการแจ้งเตือนในโทรศัพท์อีก

มองโลกในแง่ดี

การตั้งความคิดใหม่ก็เป็นเรื่องจำเป็นหากเราไม่ต้องการมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เรื่องสำคัญเลยเราต้องพยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ แม้ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีก็ตามที การมองโลกในแง่ดีจะทำให้เราผ่อนคลายความเครียดจากปัญหานั้น อีกทั้งการมองโลกในแง่ดีเป็นการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อปัญหา ซึ่งอาจจะทำให้เรามองหาทางแก้ไข ทางออกของปัญหานั้นได้ด้วย

สนใจปัจจุบันเท่านั้น

อดีตเป็นเรื่องที่ดี เราควรศึกษาเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้พลาดซ้ำอีก แต่การจดจ่ออยู่กับอดีตมากเกินไป จะทำให้เราฟุ้งซ่านและเครียดไปซะเปล่าๆ คำแนะนำก็คือ เรื่องราวในอดีตควรปล่อยวางมันไป อย่าเก็บมาคิดให้รกสมอง ลองคิดดูว่าถ้าเราคิดแต่เรื่องอดีตตลอดเวลา เราจะมีเวลาไปคิดถึงเรื่องในอนาคตได้อย่างไร ดังนั้นทำใจให้สบายจดจ่ออยู่กับปัจจุบันดีกว่า