7 ขั้นตอนในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์
ติดไวรัสแล้วอย่ากลัว ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะกับตัวเอง ติดตั้งโปแกรมป้องกันไวรัสให้เป็น อัพเดตฐานข้อมูลไวรัส (Definition) อยู่เสมอ เปลี่ยนเวอร์ชันใหม่ทันทีที่มีโอกาส อย่ารับไฟล์แปลกหน้า และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ นี่คือ 7 ขั้นตอนในการช่วยป้องกันคุณไม่ให้ติดไวรัสคอมพิวเตอร์
1. ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส
การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเป็นสิ่งที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก เพราะโปรแกรมเหล่านี้เป็นเหมือนบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ปกป้องเครื่อง คอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำหน้าที่หลักอยู่สามส่วนคือ ป้องกันไวรัสที่จะเข้ามาในเครื่อง เป็นการตรวจดูไฟล์ที่จะเข้ามาในเครื่องว่าจะเป็นไวรัสหรือไม่ ? ตรวจจับไวรัสที่เล็ดลอดเข้ามา สแกนไฟล์ที่อยู่ในเครื่องว่าเป็นไวรัสหรือไม่? กำจัด (Delete)หรือกักกัน (Quarantines) ในกรณีที่พบไฟล์ไวรัส โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำการลบไฟล์นั้นทิ้ง แต่ถ้าพบว่าเป็นไฟล์ที่มีความเสียง แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นไฟล์ไวรัสหรือลบไม่ได้ โปรแกรมจะทำการกักกันไฟล์ไม่ให้มีการทำงาน โดยการทำงานในสองส่วนแรกจะใช้การเปรียบเทียบฐานข้อมูลการทำงานของไวรัส (Definition) กับไฟล์ต้องสงสัยว่าเข้าข่ายที่จะเป็นไฟล์ไวรัสหรือไม่ ถ้าใช่ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการลบหรือกักกันไฟล์ต้องสงสัยต่อไป
2. ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะกับตัวเอง
โปรแกรมป้องกันไวรัสในปัจจุบันมีอยู่หลายประเภท ตามแต่ที่ผู้ผลิตแต่ละรายจะประกาศสินค้าออกมาแต่ตัวที่สำคัญ ๆ ที่คุณควรรู้จักจะมีอยู่ไม่กี่ตัว นั่นคือ Anti-Virus เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ป้องกันไวรัส รวมไปถึงสปายแวร์ (Spyware) และแอดแวร์ (Adware) ได้บางส่วน Firewall เป็นระบบป้องกันการบุกรุกเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาติ ป้องกันการโจมตีโดยที่คุณไม่รู้ตัว Anti-Spyware เป็นโปรแกรมที่มีหน้าที่กำจัดโปรแกรมจำพวกสปายแวร์และแอดแวร์โดยเฉพาะ ซึ่งโปรแกรมที่มีหน้าที่กำจัดโปรแกรมจมีการควบคุมที่ง่าย ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากนัก โดยทั่วไปโปรแกรมเหล่านี้จะมีแยกขายเป็นตัว ๆ แต่ก็มีการนำเอาโปรแกรมทั้งหมดมารวมกัน และเพิ่มระบบรักษาความปลอกดภัยอื่น ๆ เช่น โปรแกรมป้องกันสแปมเมล์ (Spam Mail) หรือโปรแกรมกรองข้อมูลที่ไม่เหมาะสม (Content Filtering) เข้ามารวมเป็นชุดโปรแกรม Internet Security ซึ่งชุดโปรแกรมนี้จะมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี และครบถ้วนแต่ผู้ใช้ก็ต้องมีความรู้ในการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยมากพอ สมควร
3. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้เป็น
ในการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส หลาย ๆ คนยังไม่รู้วิธีการติดตั้งที่ถูกต้องนัก ทำให้โปรแกรมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมอย่างถูกวิธีไม่ได้มีวิธีการที่ยุ่งยากอะไรเพียง แค่ลำดับความสำคัญของโปรแกรมให้ถูกก็พอ ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมป้องกัน ไวรัสนั้น ควรทำหลังจากที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่ระบบมีความสะอาดมากที่สุด และทำการอัพเดตให้โปรแกรมป้องกันไวรัสมีฐานะฐานข้อมูลของไวรัสล่าสุดจนถึง วันที่ติดตั้งโปรแกรม จากนั้นก็ทำการติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ ลงไป เพื่อเป็นการเช็กว่าโปรแกรมเหล่านั้นมีไฟล์ไวรัสแฝงมาหรือไม่ และขั้นตอนสุดท้ายค่อยก็ทำการย้ายไฟล์ข้อมูลกลับเข้ามาเก็บไว้ใน เครื่อง อย่างไรก็ตามบางคนอาจจะติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ ลงไปก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน ถ้ามั่นใจว่าโปรแกรมที่ใช้อยู่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แล้วจึงติดตั้งโปรแกรมติดตั้งไวรัสในขั้นตอนต่อมา และทำการอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสในทันสมัย ก่อนที่จะนำข้อมูลเข้ามาเก็บเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะโอกาสที่ไวรัสจะแฝงเข้ามากับข้อมูลที่คุณมีอยู่ มีความเป็นไปได้สูง กว่าไวรัสที่แฝงมากับโปรแกรม
4. อัพเดตฐานข้อมูลไวรัส (Definition) อยู่เสมอ
การอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสเป็นสิ่งที่ผู้คนมักจะหลงลืมอยู่เป็นประจำ หลาย ๆ คนยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนักเกี่ยวกับโปรแกรมป้องกันไวรัสว่าเมื่อติด ตั้งโปรแกรมไปแล้วจะสามารถป้องกันไวรัสได้ตลอดไป นั้นถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด โปรแกรมป้องกันไวรัสมีหน้าที่ในการป้องกันไวรัส แต่ผู้พัฒนาไวรัสเองก็มีการพัมนารูปแบบของไวรัสใหม่ ๆ ออกมาให้สามารถทำงานทะลุทะลวงโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ไม่มีการอัพเดตฐาน ข้อมูลได้ ถ้าไม่มั่นใจก็ให้คุณเปิดโปรแกรมป้องกันไวรัสขึ้นมา แล้วมาหาคำสั่ง Updates เมื่อเจอก็คลิ๊กเลย โปรแกรมจะทำการอัพเดตฐานข้อมูลให้คุณควรทำอย่าน้อยวันละครั้งถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ทุกครั้งที่ต่อเข้าอินเทอร์เน็ตก็ควรทำการอัพเดตทันที เพราะหากคุณทิ้งไว้นานเกินไป การอัพเดตจะใช้เวลานานมาก และบางครั้งในช่วงที่คุณไม่ได้อัพเดต คุณอาจจะโดนไวรัสเล่นไปแล้วก็ได้
5. เปลี่ยนเวอร์ชันใหม่ทันทีที่มีโอกาส